วันพฤหัสบดีที่ ๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๐

:: ความเป็นมาของปริญญา 1 ใบ ::

เป็นที่รู้กันดีว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเริ่มเสด็จฯ
> >พระราชทานปริญญาบัตรตั้งแต่ปี พ.ศ. 2493
> >และหลังจากนั้นบัณฑิตทุกคนก็เฝ้ารอที่จะได้รับพระราชทานปริญญาบัตรจากพระหัตถ์อย่างใจจดใจจ่อ
> >ภาพถ่ายวันรับพระราชทานปริญญาบัตรกลายเป็นของล้ำค่าที่ต้องประดับไว้ตามบ้านเรือนและเป็นสัญลักษณ์แห่งความสำเร็จของหนุ่มสาวและความภาคภูมิใจของบิดามารดา
> >จน 29 ปีต่อมา
> >มีผู้คำนวณให้ฉุกใจคิดกันว่าพระราชภารกิจในการพระราชทานปริญญาบัตรนั้นเป็นพระราช
> >ภารกิจที่หนักหน่วงไม่น้อย หนังสือพิมพ์ลงว่าหากเสด็จฯพระราชทานปริญญาบัตร 490
> >ครั้ง ประทับครั้ง ละราว 3 ชม. เท่ากับทรงยื่นพระหัตถ์พระราชทานใบปริญญาบัตร
> >470,000 ครั้ง น้ำหนักปริญญาบัตร ฉบับละ 3 ขีด
> >รวมน้ำหนักทั้งหมดที่พระราชทานมาแล้ว 141 ตัน ไม่เพียงเท่านั้น ดร.สุเมธ
> >ตันติเวชกุลยังเล่าเสริมให้เห็น 'ความละเอียดอ่อนในพระราชภารกิจ'
> >ที่ไม่มีใครคาดถึงว่าท่านไม่ได้พระราชทานเฉย ๆ ทรงทอดพระเนตรอยู่ตลอดเวลา
> >โบหลุดอะไรหลุดพระองค์ท่านทรงผูกโบว์ใหม่ให้เรียบร้อย
> >บางครั้งเรียงเอกสารไว้หลายวัน ฝุ่นมันจับ พระองค์ท่านก็ทรงปัดออก
> >ด้วยเหตุนี้จึงมีผู้กราบบังคมทูลขอพระราชทานให้ทรงลดการเสด็จฯ
> >พระราชทานปริญญาบัตรลงบ้าง โดยอาจงดเว้นการพระราชทานปริญญาบัตรในระดับป.ตรี
> >คงไว้แต่เพียงระดับปริญญาโทขึ้นไป
> >พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกลับมีพระราชกระแสรับสั่งตอบว่า
> >พระองค์เองเสียเวลายื่นปริญญาบัตรให้บัณฑิตคนละ 6-7 วินาทีนั้น
> >แต่ผู้ได้รับนั้นมีความสุขเป็นปี ๆ เปรียบกันไม่ได้เลย ที่สำคัญคือ
> >ทรงเห็นว่าการพระราชทานปริญญาสำหรับผู้สำเร็จป.ตรี
> >นั้นสำคัญเพราะบางคนอาจไม่มี โอกาสศึกษาชั้นปริญญาโทและปริญญาเอก ดังนั้น '
> >จะพระราชทานปริญญาบัตรแก่บัณฑิตปริญญาตรีไปจน กว่าจะไม่มีแรง'

เครดิต : dek-d.com

ไม่มีความคิดเห็น: